ประโยชน์ที่ได้จากการจัดการทรัพยากรสารสนเทศคือ
1.
รวบรวมข้อมูลจากภายในและภายนอกที่มีความจำเป็นต่อหน่วยงาน
2.
ประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่มีประโยชน์นำไปใช้งานได้
3.
มีระบบการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่
สะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้
4.
ปรับปรุงข้อมูลให้อยู่ในสภาพที่ถูกต้อง
ทันสมัยอยู่เสมอ
ประโยชน์ที่ได้จากระบบสารสนเทศที่มีต่อการบริหารงานในองค์กร
คือ
1.
เพื่อการวางแผน
กำหนดเป้าหมายและนโยบายในการบริหารองค์กร
2.
สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
3.
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรในองค์กร
4.
ช่วยให้การทำงานรวดเร็ว ถูกต้อง
การบริหารงานในองค์กรมีประสิทธิภาพ
5.
ใช้ควบคุมระบบการทำงานในองค์กรให้ดำเนินไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
6.
องค์กรมีมาตรฐานและคุณภาพในการดำเนินงาน
ทำให้ได้รับความเชื่อถือ
7.
สร้างโอกาสในการลงทุน
ทำให้มีการขยายองค์กรให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
8.
สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ได้
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ประสิทธิภาพ
มีดังนี้
1)
ระบบสารสนเทศทำให้การทำงานของเรามีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยใช้กระบวนการของการประมวลผลของข้อมูลซึ่งจะทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจนกระทั่ง
ประมวลผลและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว
2)
ระบบสารสนเทศจะช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
หรือข้อมูลที่มีปริมาณเยอะๆและช่วยทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูล (access) เหล่านั้นมีความรวดเร็วอีกด้วย
3)
ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารของเราเป็นไปอย่างรวดเร็วและการใช้เครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ทำให้มีการติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลกภายในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกัน (machine
to machine) หรือว่าคนกับคน (human to human) หรือคนกับเครื่องคอมพิวเตอร์
(human to machine) และการติดต่อสื่อสารนี้จะทำให้ข้อมูลที่เป็นทั้งข้อความ
เสียง ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวสามารถส่งได้รวดเร็วทันใจ
4)
ระบบสารสนเทศช่วยลดต้นทุนได้โดยการที่ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลซึ่งมีปริมาณมากและมีความสลับซับซ้อนให้ดำเนินการไปได้ด้วยความเร็ว
หรือการที่ช่วยให้เกิดการติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนการดำเนินการได้อย่างมากเลยทีเดียว
5)
ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การทำงานหรือการประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกันเป็นไปได้ด้วยดีโดยเฉพาะการหาระบบสารสนเทศนั้นออกแบบเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อความสะดวกของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกที่อยู่ในระบบของซัพพลายทั้งหมด
จึงทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
และทำให้การประสานงานของหน่วยงานนั้นเป็นไปได้ด้วยดี
ประสิทธิผล (Effectiveness)
1)
ระบบสารสนเทศจะช่วยในการตัดสินใจเป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบสำหรับผู้บริหาร
ตัวอย่างเช่น ระบบสารสนเทศที่ช่วยในการสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision
support systems) หรือระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive
support systems) จะมีความเอื้ออำนวยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
อันจะส่งผลให้การดำเนินงานนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ได้
2)
ระบบสารสนเทศช่วยในการเลือกผลิตสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับระบบสารสนเทศจะช่วยทำให้องค์การนั้นทราบถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับต้นทุน
ราคาในตลาดในรูปแบบของสินค้าหรือบริการที่มีอยู่
หรือจะช่วยทำให้หน่วยงานนั้นสามารถเลือกผลิตสินค้าหรือบริการที่มีความเหมาะสมกับความชำนาญ
หรือทรัพยากรที่มีอยู่
3)
ระบบสารสนเทศจะช่วยปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ดียิ่งขึ้นและระบบสารสนเทศยังทำให้การติดต่อระหว่างหน่วยงานและลูกค้า
สามารถดำเนินไปได้โดยถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นจึงช่วยให้หน่วยงานสามารถปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้นอีกด้วย
4)ระบบสารสนเทศสามารถช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive
Advantage)ซึ่งปัจจุบัน
ระบบสารสนเทศได้มีการนำมาใช้ตลอดทั้งระบบซัพพลายตัวอย่างเช่น (Supply
Chain) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
5
) ระบบสารสนเทศช่วยสร้างคุณภาพชีวิตในการทำงาน (Quality of
Working Life)และ ระบบสารสนเทศจะต้องได้รับการออกแบบออกมาเพื่อที่จะทำให้ให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการของมนุษย์และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีได้อีกด้วย
ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
ชีวิตความเป้นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่าง ๆ มากมาย
การอยู่รวมกันเป็นสังคมทำให้มนุษย์ต้องสื่อสารถึงกัน
ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน สมองของคนเราจะต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ
ไว้มากมาย ต้องจดจำชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้ประโยชน์ในภายหลัง
สังคมจึงการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขที่บ้าน ถนน อำเภอ
จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้
ที่อยู่จึงเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานอยู่
เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น
จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์
มีการใช้เลขประจำตัวประชาชนซึ่งประกอบด้วยเลขรหัส 13 ตัว
แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ
การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน
การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี
นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ
รูปที่ 1 บนบัตรประจำตัวและบัตรเครดิตจะมีรหัสเพื่อให้สามารถอ้างถึงข้อมูลของผู้ถือ
การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน
การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น
ปัจจุบันเราซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอทีเอ็ม
โอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์แถบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม
ดังจะเห็นเห็นเอกสารหรือหนังสือบรรจุแผ่นซีดีรอมซึ่งอาจเก็บหนังสือทั้งตู้ไว้ในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว
การสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และมีบทบาทมากอย่างหนึ่ง คือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
หรือการส่งข้อความถึงกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ
ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร
พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กททรอนิกส์ของผู้รับและส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ของตน เพื่อค้นหาจดหมายและสามารถตอบโต้กลับไดทันที
รูปที่ 2 จอภาพแสดงการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเป็นสิ่งต้องเรียนรู้
เป็นเรื่องที่รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล
การจัดการข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บ
จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง จัดรูปแบบเพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ประมวลผลได้
เช่น การเก็บนามบัตรของเพื่อนหรือบุคคลที่มีการติดต่อซึ่งมีจำนวนมาก
เราอาจหากล่องพลาสติกมาใส่นามบัตร มีการจัดเรียงนามบัตรตามอักษรของชื่อ
สร้างดัชนีการเรียกค้นเพื่อให้หยิบค้นได้ง่าย แต่เมื่อคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาท
ทำให้มีการเปลี่ยนรูปแบบของการจัดเก็บในลักษณะบัตรมาเป็นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นบันทึก
โดยมีระบบการจัดเก็บและประมวลผลลักษณะเดียวกับที่กล่าว
เมื่อต้องการเพิ่มเติมปรับปรุงข้อมูลหรือเรียกค้นก็นำแผ่นบันทึกนั้นมาใส่ในคอมพิวเตอร์ทำการเรียกค้น
แล้วแสดงผลบนจอภาพหรือพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์
รูปที่ 3 การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูล
การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ทำได้สะดวก
คอมพิวเตอร์จึงเป็นที่นิยมสำหรับการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบันขณะเดียวกับที่คอมพิวเตอร์มีราคาที่ลดลงและมีขีดความสามารถสูงขึ้น
จึงเชื่อแน่ว่าบทบาทของการจัดการข้อมูลในชีวิตประจำวันจะเพิ่มมากขึ้นต่อไปโครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์
เป็นโครงสร้างที่จะต้องมีรูปแบบที่จัดเชน และแน่นอน
การจัดการข้อมูลจึงต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์เฉพาะ เช่น การกำหนดรหัสเพื่อใช้ในการจำแนกข้อมูล
รหัสจึงมีความสำคัญ เพราะคอมพิวเตอร์สามารถจำแนกข้อมูลด้วยรหัสได้ง่าย
ลองนึกดูว่าหากมีข้อมูลจำนวนมากแล้วให้คอมพิวเตอร์ค้นหาโดยค้นหาตั้งแต่หน้าแรกเป็นต้นไป
การดำเนินการเช่นนี้
กว่าจะค้นพบอาจไม่ทันต่อความต้องการการดำเนินการเกี่ยวข้อมูลจึงต้องมีการกำหนดเลขรหัส
เช่น เลขประจำตัวประชาชน รหัสเลขทะเบียนคนไข้ ทะเบียนรถยนต์ เลขประจำตัวนักเรียน
เป็น
การจัดการในลักษณะนี้จึงต้องมรการสร้างระบบเพื่อความเหมาะสมกับการทำวานของคอมพิวเตอร์เป็นสำคัญ
นอกจากเรื่องความเร็วและความแม่นยำของการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว
การคัดลอกและการแจกจ่ายข้อมูลไปยังผู้ใช้ก็ทำได้สะดวก
เนื่องจากข้อมูลที่เก็บในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวกลางได้ง่าย
เช่น การสำเนาข้อมูลระหว่างแผ่นบันทึกข้อมูลสามารถทำเสร็จได้ในเวลารวดเร็ว
ด้วยความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศการปรับตัวของสังคมจึงเกิดขึ้น
ประเทศที่เจริญแล้วประชากรส่วนใหญ่จะอยู่กับเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ มีเครือข่ายการให้บริการใหม่ ๆ
เพิ่มขึ้นหลายอย่างในขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
( internet ) เพื่อขอเรียกดูราคาสินค้า
ขอดูข่าวเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง
อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา
นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์แม่บ้านใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้านต่อเชื่อมผ่านเครือข่ายสายโทรศัพท์ไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อเปิดดูราคาและรายการสินค้า
ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้เมื่อต้องการ
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมนี้เอง
ผลักดันให้เราต้องศึกษาหาความรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ กระทรวงศึกษาธิการได้เพิ่มเติมหลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอน
โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนของชาติได้มีโอกาสได้เรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้
หากไม่หาทางปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและการเรียนรู้ให้เข้าใจ
เพื่อให้มีการพัฒนาสังคมไทยได้อย่างเหมาะสม เราจะเป็นเพียงผู้ใช้ที่ต้องเสียเงินตราให้ต่างประเทศอีกมากมาย
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดเก็บระบบข้อมูลซึ่งมีอยู่มากมายในปัจจุบัน
ได้มีการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำ GIS มาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน การใช้งานระบบสารสนเทศจะมีประโยชน์มากในการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์
ถ้ารู้จักการใช้งาน การใช้งานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์จะต้องมีเป้าหมายชัดเจน
รู้จักคัดเลือกข้อมูลมาวิเคราะห์ การใช้งานจะต้องวางแผนงานในการกำหนดคุณภาพ
มาตราส่วนของข้อมูลและที่สำคัญคือ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา
การบูรณาการข้อมูลหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน
และสามารถสร้างแบบจำลองทดสอบเปรียบเทียบข้อมูลก่อนที่มีการลงมือปฏิบัติจริง
การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่สำคัญได้แก่
1. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
เช่น การกำหนดพื้นที่ป่าไม้ แหล่งน้ำ ทั้งบนผิวดินและใต้ดิน ธรณีวิทยาหินและแร่
ชายฝั่งทะเลและภูมิอากาศ
2. ด้านการจัดการทรัพยากรเกษตร
เช่น การแบ่งชั้นคุณภาพพื้นที่เกษตร ดินเค็มและดินปัญหาอื่น
ความเหมาะสมของพืชในแต่ละพื้นที่ การจัดระบบน้ำชลประทาน การจัดการด้านธาตุอาหารพืช
3. ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
เช่น การแพร่กระจายของฝุ่นและก๊าซ การกำหนดจุดเก็บตัวอย่างจาก โรงงาน
การป้องกันความเสียหายของโบราณสถานหรือสถานที่ท่องเที่ยว การป้องกันไฟไหม้ป่า
เป็นต้น
4. ด้านสังคม เช่น
ความหนาแน่นของประชากร เพศ อายุ การศึกษา แรงงาน ตำแหน่งของโรงเรียนและการเดินทางของนักเรียน
เป็นต้น
5. ด้านเศรษฐกิจ
เช่น รายได้ของประชากรของหมู่บ้าน ตำบล สินค้าหลัก
ตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานประเภทต่างๆ เป็นต้น