วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ใบความรู้ 
เรื่อง  กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ

   มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มีการตั้งถิ่นฐานอยู่กันเป็นหมู่เหล่าตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว กลุ่มเล็กที่สุดเรียกว่าครอบครัว ถัดขึ้นมาเป็นหมู่บ้าน ตำบล ฯลฯ จนในที่สุดเป็นเมือง เป็นประเทศ มนุษย์แต่ละหมู่เหล่ามีการติดต่อพบปะกัน เพื่อแลกเปลี่ยนอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ ยารักษาโรค ฯลฯ ที่ชุมชนตนไม่สามารถผลิตได้หรือผลิตได้ไม่เพียงพอ จนเกิดเป็นการค้าขายระหว่างหมู่บ้าน ระหว่างตำบล เมือง และประเทศ การติดต่อเช่นนี้ ทำให้เกิดการส่งและรับ ข้อมูลข่าวสารถึงกัน แรก ๆ ก็เป็นการบอกกันปากต่อปากต่อมามีการสื่อสารกันด้วยตัวอักษรที่จารึกบนวัสดุต่าง ๆซึ่งต่อมากลายเป็นการส่งจดหมายถึงกันความต้องการการสื่อสารด้วยวิธีการที่หลากหลายขึ้นมีความรวมเร็วมากขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีโทรคมนาคม ซึ่งอาศัยหลักวิชาทาง วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปลี่ยนคำพูด ข้อความหรือภาพเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปตามสาย หรือเปลี่ยนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เรียกว่า คลื่นวิทยุ) กระจายไปในอากาศ เมื่อถึงปลายทาง สัญญาณหรือคลื่นที่ส่งไปนั้นก็จะถูกคืนสภาพให้กลับเป็นคำพูด ข้อความหรือภาพเหมือนกับที่ส่งออกไปจากต้นทาง ทำให้ที่อยู่คนละซีกโลกกันสามารถรับรู้  ข้อมูลข่าวของกันและกันได้ภายในชั่วพริบตา



     

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง วิชาการจัดทำเอกสารสิ่งพิมพ์ รหัสวิชา ง 20242

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
รายวิชาการจัดทำเอกสารสิ่งพิมพ์(โปรแกรม PowerPoint) 
รหัสวิชา ง20242 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

หน่วยที่ 1 แนะนำโปรแกรม Microsoft PowerPoint 
1. นักเรียนรู้และเข้าใจในการใช้โปรแกรม Microsoft PowerPoint ได้
2. นักเรียนอธิบายส่วนประกอบและคุณสมบัติของเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างงานนำเสนอของโปรแกรม  Microsoft PowerPoint ได้

หน่วยที่ 2 เรื่องการสร้างผลงานอย่างง่าย
1. นักเรียนสาสารถสร้างผลงานได้
2. นักเรียนสามารถ เปิดไฟล์และบันทึกไฟล์สไลด์ได้

หน่วยที่ 3 เรื่องการสร้างและจัดการสไลด์
1. นักเรียนสามารถจัดการสไลด์ในชิ้นงานนำเสนอ โปรแกรม Microsoft Power Point ในรูปแบบต่างๆได้

หน่วยที่ 4 เรื่องข้อความในสไลด์
1. นักเรียนสามารถเปลี่ยนฟอนต์และเลือกใส่ข้อความในผลงานได้
2. นักเรียนเปลี่ยนสีให้กับตัวอักษรได้

หน่วยที่ 5 เรื่องการตกแต่งแผ่นสไลด์
1. นักเรียนเลือกใช้แม่แบบในการนำเสนองานได้
2. นักเรียนตกแต่งพื้นหลังให้สวยงามได้

หน่วยที่ 6 เรื่องการใส่ภาพและเสียงสไลด์
1. นักเรียนแทรกรูปภาพลงในผลงานได้
2. นักเรียนลดขนาดไฟล์ภาพได้
3. นักเรียนใส่ไฟล์เสียงในสไลด์ได้
4. นักเรียนกำหนดวิธีการเล่นเสียงขณะฉายสไลด์ได้

หน่วยที่ 7 เรื่องการใส่เอฟเฟ็คต์ในเนื้อหา
1. นักเรียนเลือกใส่เอฟเฟ็คต์ในสไลด์ได้
2. นักเรียนกำหนดการเคลื่อนไหวด้วยตนเองได้
3. นักเรียนปรับแต่งแสดงเอฟเฟ็คต์ได้

หน่วยที่ 8 เรื่องการจัดเตรียมนำเสนอและนำเสนอผลงาน
1. นักเรียนกำหนดเวลาการฉายภาพได้
2. นักเรียนใส่ปุ่มปฏิบัติการในสไลด์ได้
3. นักเรียนนำเสนอผลงานด้วยตนเองได้

ผลการเรียนรูที่คาดหวัง วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร2


ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสาร2
รหัสวิชา ง21104  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

หน่วยที่ 1 เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
1. นักเรียนบอกความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
2. นักเรียนบอกความสำคัญและประโยชน์ของสารสนเทศได้
3. นักเรียนบอกประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
4. นักเรียนบอกเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้
5. นักเรียนบอกความสำคัญของเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้

หน่วยที่ 2 เรื่องข้อมูลและสารสนเทศ
1. นักเรียนบอกความหมายข้อมูลได้
2. นักเรียนรู้จักวิธีการนำข้อมูลไปใช้ได้
3. นักเรียนบอกประโยชน์จากการสาสนเทศได้
4. นักเรียนสามารถใช้สารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้

หน่วยที่ 3 เรื่องคอมพิวเตอร์กับการประมวลผลข้อมูล
1. นักเรียนบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ได้
2. นักเรียนบอกวิธีการนับเลขฐานของระบบคอมพิวเตอร์ได้
3. นักเรียนบอกความสัมพันธ์ของระบบเลขฐานสองกับระบบดิจิทัลได้
4. นักเรียนแยกประเภทของคอมพิวเตอร์ได้
5. นักเรียนองค์ประกอบที่สำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ได้
6. นักเรียนบอกประโยชน์ของการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ได้

หน่วยที่ 4 เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. นักเรียนบอกความหมายของการสื่อสารได้
2. นักเรียนบอกโครงแบบเครือข่ายได้
3. นักเรียนบอกความหมายของเครือข่ายแลนได้
4. นักเรียนบอกความหมายของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
5. นักเรียนบอกประโยชน์ของการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้

หน่วยที่ 5 เรื่องสื่อสารสนเทศแบบต่างๆ
1. นักเรียนบอกประโยชน์ของการใช้สื่อสารสนเทศกับระบบงานห้องสมุดได้
2. นักเรียนสามารถใช้ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ได้
3. นักเรียนบอกแหล่งข้อมูลที่ต้องการค้นหาในประเทศไทยได้


หน่วยที่ 6 เรื่องซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่ใช้สร้างสรรค์งาน
1. นักเรียนบอกความหมายของซอฟต์แวร์ได้
2. นักเรียนบอกความหมายของซอฟต์แวร์ได้

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิชาการจัดทำเอกสารสิ่งพิมพ์   
(โปรแกรม Power Point 2013)
รหัสวิชา ง 20242
                             


คำอธิบายรายวิชา

          ศึกษาความหมายและบริบทที่เกี่ยวข้องกับสื่อสิ่งพิมพ์ตั้งแต่นิยามความหมายความสำคัญองค์ประกอบ ประเภทของสื่อสิ่งพิมพ์ บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ กระบวนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์แบบ Microsoft PowerPoint ในการสร้างงานนำเสนอแบบต่างๆและพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ปฏิบัติการปรับแต่ง จัดทำข้อมูลเพื่อการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆเพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะในนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับงาน
           ศึกษากระบวนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เพื่องานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่ขั้นการออกแบบ เตรียมการผลิต ขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ตามที่ต้องการได้
           เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ เห็นความสำคัญ และประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ ตระหนักถึงผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆและมีความมุ่งมั่นมีคุณธรรมจริยธรรมจิตสำนึก ที่ดีและมีความรับผิดชอบในการทำงาน
          เพื่อให้เกิดความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา และความสามรถในการใช้ทักษะชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
รหัสวิชา ง 21104

คำอธิบายรายวิชา

    ศึกษาและอธิบายหลักการทำงานเบื้องต้นของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถนำกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนมีทักษะในการค้นหาข้อมูลและติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีคุณธรรมและมีจริยธรรมเลือกใช้ซอฟต์แวร์ในการทำงานให้มีความเหมาะสมกับลักษณะงานและประสิทธิภาพของงานที่จะได้รับ
   ฝึกทักษะโดยใช้กระบวนการการทำงานกระบวนการสืบค้นกระบวนการปฏิบัติกระบวนการคิดวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเห็นคุณค่าและใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลการเรียนรู้การสื่อสารการแก้ปัญหา และการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีคุณธรรม
   เพื่อเสริมสร้างทักษะการใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นข้อมูลการติดต่อสื่อสารสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาการออกแบบงานเพื่อนำเสนองานด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปที่เหมาะสมกับงาน
ตลอดจนฝึกทักษะการคิดออกแบบงานอย่างสร้างสรรค์
  เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันอย่างมีจิตสำนึกมีคุณธรรมจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม


                                                                                              ครูผู้สอน
นางสาวสุทารัตน์  สุทธิสิน


วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ

ประโยชน์ที่ได้จากการจัดการทรัพยากรสารสนเทศคือ
1.             รวบรวมข้อมูลจากภายในและภายนอกที่มีความจำเป็นต่อหน่วยงาน
2.             ประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่มีประโยชน์นำไปใช้งานได้
3.             มีระบบการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ สะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้
4.             ปรับปรุงข้อมูลให้อยู่ในสภาพที่ถูกต้อง ทันสมัยอยู่เสมอ
ประโยชน์ที่ได้จากระบบสารสนเทศที่มีต่อการบริหารงานในองค์กร คือ
1.             เพื่อการวางแผน กำหนดเป้าหมายและนโยบายในการบริหารองค์กร
2.             สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
3.             ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรในองค์กร
4.             ช่วยให้การทำงานรวดเร็ว ถูกต้อง การบริหารงานในองค์กรมีประสิทธิภาพ
5.             ใช้ควบคุมระบบการทำงานในองค์กรให้ดำเนินไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
6.             องค์กรมีมาตรฐานและคุณภาพในการดำเนินงาน ทำให้ได้รับความเชื่อถือ
7.             สร้างโอกาสในการลงทุน ทำให้มีการขยายองค์กรให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น

8.             สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ได้

ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ประสิทธิภาพ มีดังนี้


                1) ระบบสารสนเทศทำให้การทำงานของเรามีความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้กระบวนการของการประมวลผลของข้อมูลซึ่งจะทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจนกระทั่ง ประมวลผลและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว 
                2) ระบบสารสนเทศจะช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือข้อมูลที่มีปริมาณเยอะๆและช่วยทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูล (access) เหล่านั้นมีความรวดเร็วอีกด้วย
                3) ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารของเราเป็นไปอย่างรวดเร็วและการใช้เครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ทำให้มีการติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลกภายในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกัน (machine to machine) หรือว่าคนกับคน (human to human) หรือคนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ (human to machine) และการติดต่อสื่อสารนี้จะทำให้ข้อมูลที่เป็นทั้งข้อความ เสียง ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวสามารถส่งได้รวดเร็วทันใจ
                4) ระบบสารสนเทศช่วยลดต้นทุนได้โดยการที่ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลซึ่งมีปริมาณมากและมีความสลับซับซ้อนให้ดำเนินการไปได้ด้วยความเร็ว หรือการที่ช่วยให้เกิดการติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนการดำเนินการได้อย่างมากเลยทีเดียว
                5) ระบบสารสนเทศช่วยทำให้การทำงานหรือการประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันเป็นไปได้ด้วยดีโดยเฉพาะการหาระบบสารสนเทศนั้นออกแบบเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อความสะดวกของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกที่อยู่ในระบบของซัพพลายทั้งหมด จึงทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ และทำให้การประสานงานของหน่วยงานนั้นเป็นไปได้ด้วยดี 


ประสิทธิผล (Effectiveness)

               1) ระบบสารสนเทศจะช่วยในการตัดสินใจเป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบสำหรับผู้บริหาร ตัวอย่างเช่น ระบบสารสนเทศที่ช่วยในการสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision support systems) หรือระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive support systems) จะมีความเอื้ออำนวยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี อันจะส่งผลให้การดำเนินงานนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ได้
               2) ระบบสารสนเทศช่วยในการเลือกผลิตสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับระบบสารสนเทศจะช่วยทำให้องค์การนั้นทราบถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับต้นทุน ราคาในตลาดในรูปแบบของสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ หรือจะช่วยทำให้หน่วยงานนั้นสามารถเลือกผลิตสินค้าหรือบริการที่มีความเหมาะสมกับความชำนาญ หรือทรัพยากรที่มีอยู่
                3) ระบบสารสนเทศจะช่วยปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ดียิ่งขึ้นและระบบสารสนเทศยังทำให้การติดต่อระหว่างหน่วยงานและลูกค้า สามารถดำเนินไปได้โดยถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงช่วยให้หน่วยงานสามารถปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้นอีกด้วย
                4)ระบบสารสนเทศสามารถช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage)ซึ่งปัจจุบัน ระบบสารสนเทศได้มีการนำมาใช้ตลอดทั้งระบบซัพพลายตัวอย่างเช่น (Supply Chain) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
                5 ) ระบบสารสนเทศช่วยสร้างคุณภาพชีวิตในการทำงาน (Quality of Working Life)และ ระบบสารสนเทศจะต้องได้รับการออกแบบออกมาเพื่อที่จะทำให้ให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการของมนุษย์และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีได้อีกด้วย


ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
   ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ

            ชีวิตความเป้นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่าง ๆ มากมาย การอยู่รวมกันเป็นสังคมทำให้มนุษย์ต้องสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน สมองของคนเราจะต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ต้องจดจำชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึงการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขที่บ้าน ถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ ที่อยู่จึงเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานอยู่
           เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจำตัวประชาชนซึ่งประกอบด้วยเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ
           การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียน  ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ 
      

รูปที่ 1  บนบัตรประจำตัวและบัตรเครดิตจะมีรหัสเพื่อให้สามารถอ้างถึงข้อมูลของผู้ถือ
การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอทีเอ็ม โอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์แถบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเห็นเอกสารหรือหนังสือบรรจุแผ่นซีดีรอมซึ่งอาจเก็บหนังสือทั้งตู้ไว้ในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว

            การสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และมีบทบาทมากอย่างหนึ่ง คือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการส่งข้อความถึงกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กททรอนิกส์ของผู้รับและส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ของตน เพื่อค้นหาจดหมายและสามารถตอบโต้กลับไดทันที


รูปที่ 2 จอภาพแสดงการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
            เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเป็นสิ่งต้องเรียนรู้ เป็นเรื่องที่รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บ จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง จัดรูปแบบเพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ประมวลผลได้ เช่น การเก็บนามบัตรของเพื่อนหรือบุคคลที่มีการติดต่อซึ่งมีจำนวนมาก เราอาจหากล่องพลาสติกมาใส่นามบัตร มีการจัดเรียงนามบัตรตามอักษรของชื่อ 

สร้างดัชนีการเรียกค้นเพื่อให้หยิบค้นได้ง่าย    แต่เมื่อคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาท ทำให้มีการเปลี่ยนรูปแบบของการจัดเก็บในลักษณะบัตรมาเป็นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นบันทึก โดยมีระบบการจัดเก็บและประมวลผลลักษณะเดียวกับที่กล่าว เมื่อต้องการเพิ่มเติมปรับปรุงข้อมูลหรือเรียกค้นก็นำแผ่นบันทึกนั้นมาใส่ในคอมพิวเตอร์ทำการเรียกค้น แล้วแสดงผลบนจอภาพหรือพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์


รูปที่ 3  การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูล
             การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ทำได้สะดวก คอมพิวเตอร์จึงเป็นที่นิยมสำหรับการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบันขณะเดียวกับที่คอมพิวเตอร์มีราคาที่ลดลงและมีขีดความสามารถสูงขึ้น จึงเชื่อแน่ว่าบทบาทของการจัดการข้อมูลในชีวิตประจำวันจะเพิ่มมากขึ้นต่อไปโครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นโครงสร้างที่จะต้องมีรูปแบบที่จัดเชน และแน่นอน การจัดการข้อมูลจึงต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์เฉพาะ เช่น การกำหนดรหัสเพื่อใช้ในการจำแนกข้อมูล รหัสจึงมีความสำคัญ เพราะคอมพิวเตอร์สามารถจำแนกข้อมูลด้วยรหัสได้ง่าย ลองนึกดูว่าหากมีข้อมูลจำนวนมากแล้วให้คอมพิวเตอร์ค้นหาโดยค้นหาตั้งแต่หน้าแรกเป็นต้นไป การดำเนินการเช่นนี้ กว่าจะค้นพบอาจไม่ทันต่อความต้องการการดำเนินการเกี่ยวข้อมูลจึงต้องมีการกำหนดเลขรหัส เช่น เลขประจำตัวประชาชน รหัสเลขทะเบียนคนไข้ ทะเบียนรถยนต์ เลขประจำตัวนักเรียน เป็น การจัดการในลักษณะนี้จึงต้องมรการสร้างระบบเพื่อความเหมาะสมกับการทำวานของคอมพิวเตอร์เป็นสำคัญ

            นอกจากเรื่องความเร็วและความแม่นยำของการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว การคัดลอกและการแจกจ่ายข้อมูลไปยังผู้ใช้ก็ทำได้สะดวก เนื่องจากข้อมูลที่เก็บในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวกลางได้ง่าย เช่น การสำเนาข้อมูลระหว่างแผ่นบันทึกข้อมูลสามารถทำเสร็จได้ในเวลารวดเร็ว
            ด้วยความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศการปรับตัวของสังคมจึงเกิดขึ้น ประเทศที่เจริญแล้วประชากรส่วนใหญ่จะอยู่กับเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ มีเครือข่ายการให้บริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่างในขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ( internet ) เพื่อขอเรียกดูราคาสินค้า ขอดูข่าวเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์แม่บ้านใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้านต่อเชื่อมผ่านเครือข่ายสายโทรศัพท์ไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อเปิดดูราคาและรายการสินค้า ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้เมื่อต้องการ
           บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมนี้เอง ผลักดันให้เราต้องศึกษาหาความรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ กระทรวงศึกษาธิการได้เพิ่มเติมหลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนของชาติได้มีโอกาสได้เรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ หากไม่หาทางปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและการเรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อให้มีการพัฒนาสังคมไทยได้อย่างเหมาะสม เราจะเป็นเพียงผู้ใช้ที่ต้องเสียเงินตราให้ต่างประเทศอีกมากมาย


ประโยชน์ของระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
           ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดเก็บระบบข้อมูลซึ่งมีอยู่มากมายในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำ GIS มาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน การใช้งานระบบสารสนเทศจะมีประโยชน์มากในการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ ถ้ารู้จักการใช้งาน การใช้งานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์จะต้องมีเป้าหมายชัดเจน รู้จักคัดเลือกข้อมูลมาวิเคราะห์ การใช้งานจะต้องวางแผนงานในการกำหนดคุณภาพ มาตราส่วนของข้อมูลและที่สำคัญคือ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา การบูรณาการข้อมูลหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน และสามารถสร้างแบบจำลองทดสอบเปรียบเทียบข้อมูลก่อนที่มีการลงมือปฏิบัติจริง การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่สำคัญได้แก่
1. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การกำหนดพื้นที่ป่าไม้ แหล่งน้ำ ทั้งบนผิวดินและใต้ดิน ธรณีวิทยาหินและแร่ ชายฝั่งทะเลและภูมิอากาศ 
2. ด้านการจัดการทรัพยากรเกษตร เช่น การแบ่งชั้นคุณภาพพื้นที่เกษตร ดินเค็มและดินปัญหาอื่น ความเหมาะสมของพืชในแต่ละพื้นที่ การจัดระบบน้ำชลประทาน การจัดการด้านธาตุอาหารพืช
3. ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การแพร่กระจายของฝุ่นและก๊าซ การกำหนดจุดเก็บตัวอย่างจาก โรงงาน การป้องกันความเสียหายของโบราณสถานหรือสถานที่ท่องเที่ยว การป้องกันไฟไหม้ป่า เป็นต้น
4. ด้านสังคม เช่น ความหนาแน่นของประชากร เพศ อายุ การศึกษา แรงงาน ตำแหน่งของโรงเรียนและการเดินทางของนักเรียน เป็นต้น
5. ด้านเศรษฐกิจ เช่น รายได้ของประชากรของหมู่บ้าน ตำบล สินค้าหลัก ตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานประเภทต่างๆ เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เช่น มีการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสืบค้นข้อมูล หรือรับ-ส่งข้อมูลระหว่างกัน ตลอดจนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile phone) หรือโทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารองค์การทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารนักเรียนเข้ามาใช้งานในทุกระดับชั้นขององค์กร เช่น งานด้านการบริหาร การจัดการ และการปฏิบัติการ รัฐบาลได้เห็นความสำคัญของระบบเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสาร จึงประกาศให้ปี พ.ศ.2538 เป็นปีแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศไทย มีการลงทุนเกี่ยวกับโครงการพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเป็นจำนวนมาก เช่น มีการขยายระบบโทรศัพท์ และขยายเครือข่ายการสื่อสาร มีการสร้างระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ และการสร้างระบบจัดเก็บภาษีอากรด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ดังรูป 1.1

การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปใช้ในองค์กร

รูปที่ 1.1 ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปใช้ในองค์กรชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ มากมาย  ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน ดังรูปที่ 1.2

1. การเรียนทางไกลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การเรียนทางไกลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์

2. การสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 การสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3. การเบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็มจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ
การเบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็มจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ
4. การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์(electronic mail: e-mail) ซึ่งเป็นการส่งข้อความถึงกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับสามารถเปิดคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านจดหมายหรือข้อความต่างๆ และสามารถโต้ตอบกลับได้ทันที
การส่ง e-mail

คำว่า เทคโนโลยีสาระสนเทศ (Information Technology : IT) เรียกย่อว่า “ไอที” ประกอบด้วยคำว่า“เทคโนโลยี” และคำว่า “สารสนเทศ” นำมารวมกันเป็น“เทคโนโลยีสารสนเทศ” และคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) หรือเรียกย่อว่า “ไอซีที” ประกอบด้วยคำที่มีความหมายดังนี้

• เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ วิธีการหรือกระบวนการ เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคล กลุ่มคน หรือองค์กร

• สารสนเทศ (information) หมายถึง ผลลัพธ์ที่เกิดจากการนำข้อมูลมาผ่านกระบวนการต่างๆ อย่างมีระบบ จนได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ มีคุณค่าและสาระ หรือมีเนื้อหาและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้

• เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหรือจัดการกับสารสนเทศอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กร ทั้งนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งเป็นวิธีการที่จะส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เพื่อการแลกเปลี่ยนหรือเผยแพร่ข้อมูล และสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วทันต่อการใช้ประโยชน์ ผ่านอุปกรณ์สื่อสาร เช่น วิทยุ โทรศัพท์ เครื่องโทรสาร คอมพิวเตอร์ คลื่นวิทยุ และดาวเทียม ดังรูป 1.3 ดังนั้นในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารจึงมักใช้คู่กัน

• เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 หมายถึง เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับข่าวสารข้อมูล และการสื่อสารนับตั้งแต่การสร้าง การนำมาวิเคราะห์หรือประมวลผล การรับและการส่งข้อมูล การจัดเก็บและการนำข้อมูลกลับไปใช้ใหม่

ตัวอย่างเช่น
1. การเรียนทางไกลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2. การสั่งซื้อสิ้นค้าและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3. การเบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม
4. การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิสก์ หรืออีเมล(electronic mail: e-mail)

เครดิตจาก https://sites.google.com/site/kruyutsbw/khwam-hmay